02-639-7878 ต่อ 990

เวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 - 19.00 น.

ปิดหน้าต่างนี้
โฆษณาบน LINE
โฆษณาบน Facebook
โฆษณาบน Instagram
โฆษณาบน Google
โฆษณาบน YouTube
โฆษณาบน Twitter
โฆษณาบน TikTok
รับออกแบบเว็บไซต์ธุรกิจ
SEO ( Search Engine Optimization )
Content Marketing
การตลาดบน E-mail และ SMS
รับจ้างรีวิวสินค้า และบริการ
รับทำวิดีโอโฆษณา
โฆษณาบน Facebook Ads
บริการ ChatBot
ยืนยัน
Nipa Digital Marketing Add Line Nipa Digital Marketing Messenger
Facebook

ชวนเช็ก Metrix Facebook Ads ตัวไหน ที่ต้องโฟกัส เพื่อดันยอดขายให้พุ่ง!

หน้าหลัก
บทความ
Facebook
ชวนเช็ก Metrix Facebook Ads ตัวไหน ที่ต้องโฟกัส เพื่อดันยอดขายให้พุ่ง!
ชวนเช็ก Metrix Facebook Ads ตัวไหน ที่ต้องโฟกัส เพื่อดันยอดขายให้พุ่ง!

แพลตฟอร์มโซเชี่ยลมีเดียยอดนิยมอย่าง “Facbook” ยังคงเป็นช่องทางการทำตลาดออนไลน์ที่พุ่งแรงตลอดปี 2022 จากความสามารถในการใช้งานที่หลากหลาย การโฆษณาผ่าน “Facebook Ads” ด้วยลูกเล่นที่เพิ่มความน่าสนใจต่างๆ รวมไปถึงการอัพเดทฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ทั้งสนุก ทันกระแส และตอบโจทย์ผู้คนบนโลกออนไลน์ได้เป็นอย่างดี เหล่านี้เป็นเหตุให้องค์กรธุรกิจมากมาย ต่างยังคงให้ความสำคัญกับ Facebook Ads อย่างไม่เสื่อมคลาย


อย่างไรก็ตาม การตั้งค่า Facebook Ads เพื่อให้โฆษณาสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงหรือสามารถกระตุ้นยอดขายของแบรนด์ธุรกิจให้สุดปังได้นั้น เราจำเป็นต้องรู้จักคำศัพท์หรือตัววัด (Metrix) ต่างๆ เสียก่อน แล้วนำมาปรับใช้อย่างเหมาะสมต่อไป


ในวันนี้ NIPA เลยอยากชวนผู้ประกอบธุรกิจหรือนักการตลาดมือใหม่ พร้อมแนะนำว่าเมทริกซ์ตัวไหนที่ควรโฟกัส เพื่อให้การทำตลาดออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม Facebook เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อไป


มารู้จักตัววัด (Metrix) ที่อยู่หลังบ้าน Facebook ทั้ง 9 ตัวให้มากขึ้น


1. Reach


พร้อมแนะนำว่าเมทริกซ์ตัวไหนที่ควรโฟกัส เพื่อให้การทำตลาดออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม Facebook เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อไป


2. Impression


คือ จำนวนครั้งในการปล่อยโฆษณา Ads Facebook โดยผู้ใช้งานแต่ละคน สามารถมองเห็นโฆษณาได้มากกว่า 1 ครั้ง ถ้าพูดง่ายๆ ก็คือ Impression เป็นตัวบ่งบอกว่า มีคนเห็นโฆษณาของเรามากน้อยแค่ไหน


3. Frequency


คือ จำนวนครั้งที่คนจะเห็นคอนเทนต์นั้นๆ ซึ่งจะคิดออกมาเป็นค่าเฉลี่ย โดยสูตรการคิดหาค่า Frequency คือ จำนวนการแสดงผลโฆษณา (Impression) / จำนวนคนเห็นโฆษณา (Reach)

(ยกตัวอย่าง เช่น โพสต์นี้มีการปล่อยโฆษณา 200,000 ครั้ง และมีจำนวนผู้เห็นโพสต์ 20,000 คน ค่า Frequency จะเท่ากับ 200,000/20,000 = 1.0 ครั้งนั่นเอง)


4. CTR (Click-Through rate)


คือ อัตราการคลิกลิงก์จากการลงโฆษณา เทียบกับจำนวนครั้งที่ปล่อยโฆษณา เป็นเมทริกซ์ที่ใช้วัดว่า ผู้ใช้งานคลิกชมเว็บไซต์ของธุรกิจในส่วนไหนบ้าง หรือมีจุดหมายปลายทางของการเยี่ยมชมเว็บไซต์อย่างไร

สูตรการคิด CTR% = (จำนวนคลิกลิงก์ (Link Click) / จำนวนครั้งในการปล่อยโฆษณา (Impression)) *100


5. CPC (Cost-per-Click)


คือ ค่าใช้จ่ายต่อการคลิกโฆษณา แบ่งออกเป็น 2 ประเภท

  • CPC (All Clicks) คิดจากทุกคลิกที่เกิดขึ้น = งบประมาณที่ใช้ ÷ การคลิกทั้งหมด
  • CPC (Link Click) คิดจากการกดลิงก์เท่านั้น = งบประมาณที่ใช้ ÷ จำนวนคลิกลิงก์


6. CPM (Cost Per Impression)


คือ เป็นการคิดต้นทุนต่อจำนวนการแสดงผลโฆษณา 1,000 ครั้ง มีวิธีคิดค่า CPM คือ (งบประมาณที่ใช้ไป / จำนวนครั้งในการปล่อยโฆษณา (impression)) x 1,000


7. CPR (Cost Per Result)


เป็นการคิดต้นทุนต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เป็นตัวชี้วัดที่บอกผลลัพธ์ของการยิงโฆษณา Facebook ได้อย่างรอบด้าน ซึ่งสูตรในการคิด CPR = งบประมาณที่ใช้ไป / จำนวน Result ที่ได้ ตัวอย่างเช่น


**ตัวอย่าง**

Ads Facebook ตัวที่ 1 ใช้งบโฆษณา 15,000 บาท มี Result เข้ามา 10 ดังนั้น CPR = 15000/10 = 1,500

Ads Facebook ตัวที่ 2 ใช้งบโฆษณา 15,000 บาท มี Result เข้ามา 100 ดังนั้น CPR = 15000/10 = 150


 จากตัวอย่าง จะเห็นได้ว่า Ads ตัวที่ 2 มีประสิทธิภาพมากกว่า ซึ่งธุรกิจควรปรับการตั้งค่า Ads ตัวที่ 1 ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น หรืออาจเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมาย (Target Audience) ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น


8. Conversion rate (CVR)


เป็นสัดส่วนของผู้ที่ตอบสนองต่อการโฆษณาตามเป้าหมายต่างๆ ตามที่ธุรกิจกำหนด เช่น ยอดผู้ซื้อจริงจากการเห็นโฆษณา ยอดผู้ติดตามที่เพิ่มขึ้น ยอดคนที่กดไลก์หรือกดแชร์โพสต์ หรือยอดคนที่คลิกโฆษณา เป็นต้น โดยการหาค่า CVR นิยมคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น โพสต์ Facebook ของธุรกิจ มีคนเห็น 5,000 คน มีคนกดไลก์ 1,000 ครั้ง ค่า CVR = 1,000 x 100/5,000 = 20%


9. Relevance Score


เป็นคะแนนภาพรวมของการลงโฆษณา คำนวนจากปัจจัยต่างๆ เช่น ผลลัพธ์จากการลงโฆษณา การคลิกลิงก์ คลิกชมโฆษณา หรือการกดซ่อนโฆษณา เป็นต้น ซึ่งคะแนน Relevance Score สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน เช่น

  • ใช้ประเมินว่า เนื้อหาคอนเทนต์ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายมากน้อยเพียงใด
  • ใช้ปรับค่าใช้จ่ายในการทำ Facebook Ads
  • ใช้ประเมินว่า การตั้งค่ากลุ่มเป้าหมาย เหมาะสมหรือไม่


และนี่เป็น 9 เมทริกซ์ของ Facebook Ads ที่นักการตลาดมือใหม่ควรโฟกัสในช่วงท้ายปี 2022 ไปจนถึงปี 2023 เพื่อให้การลง Facebook Ads สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ธุรกิจตั้งเป้าหมายไว้ได้อย่างมีคุณภาพ


สำหรับท่านที่กำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญด้านการทำตลาดออนไลน์ตัวจริง 

หรือสนใจทำการโฆษณาบนแพลตฟอร์มโซเชี่ยลมีเดีย ที่มีผู้ใช้งานนับล้านๆ คนในปัจจุบัน

NIPA Digital Marketing Agency พร้อมตอบโจทย์ของทุกองค์กรธุรกิจ

ด้วยบุคลากรมืออาชีพ เชี่ยวชาญเฉพาะทาง พร้อมการันตีผลงานความสำเร็จมากมาย

ปรึกษาเราได้เลย!


ส่วนลดพิเศษ คลิกเลย👇


บทความที่เกี่ยวข้อง
Facebook
โฆษณาเพจ อาวุธลับในการสร้างแบรนด์ของนักธุรกิจมือใหม่

Facebook
4 เหตุผล! ทำไม Promote Facebook ไม่ผ่าน

Facebook
4 เทคนิคโฆษณาขายของบนเฟซบุ๊กให้ยอดพุ่ง!

Facebook
สร้างเพจ Facebook ให้เวิร์ก รับมือ Algorithm รูปแบบใหม่

View all

รับคำปรึกษาฟรี!
บริการที่น่าสนใจ
บริการของคุณ